การใช้ พีรามิดให้ได้กำไร

 

การใช้ พีรามิดให้ได้กำไร

 

การทำพีรามิด เกี่ยวข้องกับการเพิ่ม position ให้กับออร์เดอร์ที่กำไร เพื่อเพิ่มความได้เปรียบให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีผลตอบแทนดี และมันทำให้นักลงทุนได้ผลตอบแทนก้อนใหญ่เมื่อขนาดของ position เพิ่ม และนอกจากนี้ มันไม่ได้เป็นการเพิ่มความเสี่ยงถ้าการเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์นั้นเคลื่อนไหวเป็นไปตามปกติ ในบทความนี้ เราจะดูการเทรดแบบใช้พีรามิด ในออร์เดอร์ Long แต่ก็สามารถประยุกต์ใช้กับออร์เดอร์ Short ได้เหมือนกัน 

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพีรามิด
การทำพีรามิดไม่ได้หมายความหมายถึงการซื้อถัวเฉลี่ยขาลง  ซึ่งอ้างถึงกลยุทธ์ ที่ซื้อเพิ่มเมื่อขาดทุน เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนให้ต่ำลง การทำพีรามิดเป็นการเพิ่มโพสิชั่นให้ได้เปรียบกับสินทรัพย์ที่มีการเคลื่อนไหวที่ได้กำไรและเพื่อทำกำไรสูงสุด การถัวเฉลี่ยขาลงเป็นกลยุทธ์ที่อันตราย เพราะว่าสินทรัพย์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่เหมาะกับการเข้าซื้อ

การทำพีระมิดยังไม่เสี่ยงด้วย อย่างน้อยถ้าไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ ขณะที่ยิ่งราคายิ่งสูงข้น สินทรัพย์จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหว ซึ่งจะทำให้กำไรจากออร์เดอร์ปกติ จำนวนของกำไรจะมีขนาดใหญ่ถ้าหากเทียบกับการเข้าเพียงออร์เดอร์เดียว

ทำไมมันถึงใช้ได้ผล
พีรามิดใช้ได้ผลเพราะว่าเทรดเดอร์จะเพิ่มโพสิชั่นที่ทำกำไรได้และยังมีการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางนั้นต่อ สัญญาณนี้สามารถเกิดขึ้นได้ถ้าราคาหุ้นขยับทำ new high หรือราคาลดลงต่ำกว่า low เดิม โดยทั่วไปเราจะอาศัยความได้เปรียบของเทรนด์ตามคลื่นแต่ละคลื่น 

การทำพีรามิด ยังมีดีดด้านตรงที่ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงให้ออร์เดอร์ที่มีกำไร ออร์เดอร์ก่อนหน้าจะต้องกำไรก่อนที่จะส่งออร์เดอร์ถัดไป ซึ่งหมายความว่าออร์เดอร์ที่จะส่งแต่ละครั้งถูกกำหนดโดยออร์เดอร์ก่อนหน้า

และเมื่อเทรดเดอร์เริ่มใช้ พีรามิด การที่เทรดเดอร์ทำกำไรเร็ว หรือ ขายหมูจะลดลง แทนที่จะต้องทำกำไรทุก ๆ จุดกลับตัวเทรดเดอร์ถูกบังคับให้ดูและวิเคราะห์ว่ามันเป็นจุดกลับตัวหรือว่ามันเป็นการพักฐาน ซึ่งทำให้เทรดเดอร์ได้รู้ว่าไม่เพียงแต่ส่งได้ออร์เดอร์เดียว แต่เขายังส่งออร์เดอร์ได้หลายครั้ง ในการเคลื่อนไหวของราคาครั้งหนึ่ง  

ตัวอย่างเช่น แทนที่จะเทรด 1,000 หุ้นตอนแรก เทรดเดอร์สามารถแบ่งไว้เทรดแค่ตอนแรก 500 หุ้น และเข้าเทรดเพิ่มอีกถ้าออร์เดอร์แรกได้กำไร เทรดเดอร์สามารถจะเพิ่มขนาด position ได้มากกว่า 1000 หุ้น ซึ่งสามารถเข้าได้ถึง 1500 หุ้นหรือมากกว่านั้น ซึ่งการทำแบบนี้ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นเพราะว่า ออร์เดอร์แรกไม่ได้มีขนาดใหญ่ ขณะที่ออร์เดอร์ที่ถูกเพิ่มจะเพิ่มเอมีกำไร และมันได้ผลดีกว่าการเทรดเพียงแค่ position เดียว

 

การประยุกต์ใช้กับการเทรดจริง
เพื่อให้เข้าใจง่าย  เรามาสมมุติว่าเรากำลังเทรดหุ้น ในตัวอย่างแรกกัน และเรามีขีดจำกัดใกนารเทรดอยู่ที่ 30,000 เหรียญในบัญชี จำนวนสูงสุดที่เราต้องการเสี่ยงต่อการเทรด 1 ครั้งคือ 1-2 % ของบัญชี ใช้ 1 % เป็น Stop loss ในแง่ของดอลล่าร์ นั่นคือ 300 เหรียญ และเมื่อมีการเทรดจะไม่มีการขาดทุนเกิน 300 เหรียญ  เราดูกราฟแล้วหุ้นกำลังเทรดอยู่บริเวณ แนวรับ Stop loss ของเราจะต้องต่ำกว่านี้   ถ้าราคาปัจจุบันคือ 50 เซนต์ จากแนวรับเดิม และเรากำหนดไว้ว่าเราจะรับตรงนี้ 545 หุ้น ($300/$0.55=545) ตัวเลขกลม ๆ ก็คือ 500 หุ้น ฉะนั้นความเสี่ยงของเราตอนนี้จะต่ำกว่า 300 เหรียญ

เราสามารถซื้อหุ้น 500 ตัว หรือขายก็ได้ หรือเราสามารถซื้อในสัดส่วนที่น้อยกว่านี้เช่น 300 หุ้น และเพิ่มเข้าไปเมื่อมันมีกำไร ถ้าราคาหุ้นเคลื่นอไหวเป็นเทรนด์ต่อไป เราจะจบด้วยกำไรที่มากขึ้น สุดท้ายเราจะมี position มากกว่า 500 หุ้น และ ถ้าหุ้นร่วง เราก็จะขาดทุนกับเงินในเพียงแค่ 300 หุ้นนั้น หรือคิดเป็นเงินได้ 165 เหรียญ ($0.55*300) แทนที่จะขาดทุน $275 ($0.55*500) ถ้าเราเข้าเทรดครั้งเดียว

มาดูตัวอย่างของการเทรดใช้กราฟ 15 นาทีในค่าเงิน (GBP/JPY) วงกลมคือจุดเข้าและเส้นคือราคาที่เป็นจุดตัดขาดทุนในแต่ละคลื่น


Figure 1: November 4, 2008

Source: ForexYard


ในกรณีนี้ เราจะใช้กลยุทธ์ง่าย ๆ ในการเข้าเทรดที่ราคาทำ New high Stop loss ของเราจะเคลื่อนไหวขึ้นที่จะสวิงสุดท้ายของราคา low หลังจากที่เข้าเทรดเพิ่ม ถ้าราคาชน Stop loss ทุกออร์เดอร์จะต้องออกพร้อมกัน และราคาเข้าเทรดของเราคือ 155.50 ,156.90, 158.10 และ 159.20  ตามที่เราได้เพิ่มออร์เดอร์เมื่อราคาทำจุด new high ใหม่ขึ้นมา ซึ่งทำให้ราคา Stop loss ของเราอยู่ที่ 154.15 155.50, 157.00, 157.50 สุดท้ายเราได้จุดกลับตัวเมื่อราคาไม่สามารถขึ้นไปอีกและกลับมาที่จุดสูงสุดเก่า ซึ่งเราทำกำไรที่ราคา 160.20  ออกจากราคานี้


กำไร
สมมุติว่าเรา Long 5 lot ในค่าเงินและถือจนกระทั่งออก หรือ 3 lot แล้วค่อยเพิ่ม 2 lot ในแต่ละ level ตามระดับราคา การ buy และถือจะได้กำไร 5 x 470 pips, หรือ 2,350 pips. ขณะที่การทำ pyramid จะได้ (3 x 470) + (2 x 330) + (2 x 210) + (2 x 100) = 2,690 pips. ซึ่งแทบจะ 15 % ของกำไรที่ทำเพิ่มได้ แต่ว่าความเสี่ยงไม่ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถเพิ่มขนาด position ที่เพิ่มได้ตามระดับ

ปัญหาของระบบ พีรามิด
ปัญหาสามารถเกิดจากระบบของพีรามิดในตลาดที่มี GAP เกิดขึ้น จากวันหนึ่งไปยังวันหนึ่ง เพราะมันสามารถทำให้ จุดหยุดขาดทุนเราแตะได้อย่างง่ายดาย และทำให้เทรดเดอร์ต้องเสี่ยงมากขึ้นในการเพิ่มโพสิชั่นเข้าไป ซึ่งแก๊บยิ่งกว้างยิ่งทำให้ขาดทุนมากขึ้น 

อีกเหตุการหนึ่งเช่นราคาเคลื่อนไหวเป็นช่วงกว้างในทิศทางตรงข้ามทันทีทำให้ออร์เดอร์ที่เพิ่มเข้าไปใหม่นั้นขาดทุนมากกว่ากำไรจากออร์เดอร์แรก made. 

สรุป
มันสำคัญมากที่จะระลึกไว้ว่าการทำ พีระมิดจะใช้ได้ดีตอนที่ตลาดมีเทรนด์ และการเพิ่มออร์เดอร์ ไม่ได้ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และจุดตัดขาดทุนจะต้องย้ายขึ้นไปตามระดับแนวรับ พยายามหลีกเลี่ยงตลาดที่มีแก๊บ และตรวสอบว่าโพสิชั่นนั้นที่เพิ่มไปทีหลังถ้าขาดทุนผลรวมยังได้กำไร ซึ่งหมายความว่าต้องระวังว่าจุดเข้าออกนั้นต้องพอดีสามารถควบคุมความเสี่ยงได้

 

Comments